นายพันธ์ พะเนียงเวทย์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่า เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะใช้เงินลงทุน 2,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ในรอบ 20 ปี สำหรับสร้างโรงงานผลิตมาม่าแห่งใหม่บนพื้นที่ 50-60 ไร่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาว่า จะเป็นพื้นที่ในจังหวัดระยอง หรือริมแม่น้ำโขงอย่าง หนองคาย มุกดาหาร เพื่อช่วยให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 30-40% รองรับตลาดอีก 10 ปี จากปัจจุบันผลิตมาม่าแบบซองปีละ 2,000 ล้านซอง และแบบถ้วยปีละ 450 ล้านถ้วย คาดว่าปีหน้าจะต้องมีที่ดินและเริ่มสร้างในปี 68 แล้วเสร็จปี 69-70
“ปัจจุบันมาม่ามีโรงงานทั้งหมด 8 แห่ง แบ่งเป็นในประเทศ 4 แห่ง โดยผลิตเส้นบะหมี่ที่จังหวัดชลบุรี ลำพูน ระยอง และโรงงานผลิตเส้นขาวจังหวัดราชบุรี ส่วนโรงงานในต่างประเทศมีอีก 4 แห่ง ได้แก่ เมียนมา กัมพูชา บังกลาเทศ และฮังการี”
นอกจากนี้ได้กลับเข้าไปทำตลาดในประเทศจีนอีกครั้ง จากการร่วมมือกับพันธมิตร เนื่องจากปัจจุบันเทรนด์ผู้บริโภคจีนนิยมอาหารไทยมักจะซื้อเป็นของฝากมากขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้เคยเข้าไปทำตลาดแล้วไม่ประสบความสำเร็จ และขยายตลาดในยุโรปและอเมริกา รวมถึงตลาดใหม่ในอินเดีย และแอฟริกา ที่จะจับมือร่วมกับผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในเคนยา เพื่อมุ่งผลักดันให้ในอนาคตมีสัดส่วนรายได้ในต่างประเทศเพิ่มเป็น 40-50% จากปัจจุบันมีสัดส่วน 30% และในประเทศ 70% โดยปีนี้คาดว่ามีรายได้ 23,000-25,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4%
นายพันธ์ กล่าวว่า สำหรับต้นทุนการผลิตมาม่าปีนี้ ราคาน้ำมันปาล์มเริ่มปรับลดลง ขณะที่แป้งสาลียังคงปรับขึ้น ทำให้ในภาพรวมยังสามารถแบกรับกับต้นทุนดังกล่าวไหว อีกทั้งหากรัฐบาลมีนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำนั้น มองว่าจะช่วยให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น และกระทบกับบริษัทเพียงเล็กน้อย เนื่องจากปัจจุบันค่าแรงเป็นต้นทุนในการผลิตของบริษัทเพียง 10% ซึ่งหากต้องปรับขึ้นค่าแรง 10-15% ก็จะกระทบต้นทุนบริษัทเพียงแค่ 1% เท่านั้น อีกทั้งหลังจากนี้ บริษัทยังพยายามเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ด้วยการใช้เครื่องจักรที่ทันสมัย พร้อมกับใช้พลังงานทางเลือก เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิตมากขึ้นด้วยคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง